ศาลเจ้าแม่หินเขา-พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราช
ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี

หมายเหตุ : เนื้อหาและรูปภาพในหัวข้อ "อ่างศิลา" นี้มีด้วยกันทั้งหมด 2 หน้า ท่านสามารถ click link ชื่อสถานที่ท่องเที่ยวทางด้านล่างของหน้า เพื่อชมข้อมูลและรูปภาพในหน้าต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ



     “ศาลเจ้าแม่หินเขา” ศูนย์รวมความศรัทธาของชาวชุมชนอ่างศิลา

    “ศาลเจ้าแม่หินเขา” ตั้งอยู่ในบริเวณ “พระตำหนักมหาราช” ภายในเขตพื้นที่ของ “พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราช” นักท่องเที่ยวสามารถเดินเลียบเลาะชายฝั่งทะเลด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสะพานปลาอ่างศิลามายังศาลเจ้าแห่งนี้ได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 10 นาที (ระยะทางไม่เกิน 200 เมตรจากสะพานปลาอ่างศิลา)

    ศาลเจ้าแม่หินเขาเป็นศาลเก่าแก่ที่ตั้งขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เดิมทีศาลแห่งนี้เป็นศาลเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหินขนาดใหญ่ ชาวบ้านในละแวกนั้นจึงเรียกกันอย่างติดปากว่า “ศาลเจ้าแม่หินเขา”

.........................ศาลเจ้าแม่หินเขา.........................

     ศาลเจ้าแม่หินเขาตั้งขึ้นด้วยสาเหตุอันใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด มีเพียงคำบอกเล่าต่อๆ กันมาโดยสันนิษฐานว่า เจ้าแม่หินเขานี้น่าจะเป็นดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของ “สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี” พระปิยมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เนื่องจากศาลดังกล่าวตั้งอยู่ในบริเวณ “พระตำหนักมหาราช” หรือที่รู้จักกันทั่วไปในสมัยนั้นว่า “พระตำหนัก ร.5”     (“สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี” เป็นที่รู้จักกันในหมู่ประชาชนคนทั่วไปในอีกพระนามหนึ่งว่า “พระนางเรือล่ม” ครับ)

     จากอดีตจวบจนกระทั่งปัจจุบันมีประชาชนชาวบ้านย่านอ่างศิลาและผู้ศรัทธาทั่วไปแวะเวียนมากราบไหว้ขอพรเจ้าแม่หินเขาอยู่อย่างไม่ขาดสาย บ้างก็สมหวัง บ้างก็ผิดหวัง แต่ผู้มีจิตศรัทธาที่เคยขอพรแล้วสมหวังหลายคนก็ได้ย้อนกลับมาบริจาคทรัพย์เพื่อสร้างศาลเจ้าแม่หินเขาขึ้นใหม่ในลักษณะสถาปัตยกรรมแบบจีนอันสวยงามดังเช่นที่เห็นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

ี้

....................หนึ่งในศูนย์รวมศรัทธาของชาวอ่างศิลา....................

     ชาวประมงในย่านอ่างศิลามีความเชื่อกันว่าเจ้าแม่หินเขามีอภินิหารสามารถช่วยให้ท้องทะเลที่ปั่นป่วนสงบลงได้ และมีกระบวนวิธีขั้นตอนการไหว้เจ้าแม่หินเขาโดยใช้ธูปบูชา 13 ดอก นำธูปแบ่งไปปักไหว้ฟ้าดินหน้าศาลเจ้า 3 ดอก ปักฐานเจ้าแม่หินเขา 3 ดอก ปักไหว้ศาลเล็กข้างศาลเจ้าแม่ 5 ดอก ปักธูปตรงสิงห์หน้าประตูข้างละ 1 ดอก (รวมเป็น 2 ดอก) เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีกรรม

     “พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราช” รอยรำลึกถึงสถานตากอากาศสำหรับผู้ป่วยแห่งแรกของประเทศไทย

     ภายในพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราช นอกจากจะเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าแม่หินเขาแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของ “พระตำหนักมหาราช” และ “พระตำหนักราชินี” อาคารซึ่งเคยถูกใช้เป็น “อาไศรยสถาน (สถานพักฟื้นตากอากาศสำหรับผู้ป่วย) แห่งแรกของประเทศไทย” อาคารทั้งสองหลังนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ และพระราชทานนามแก่อาคารทั้งสองโดยให้อาคารหลังใหญ่สีขาวมีนามว่า “พระตำหนักมหาราช” ส่วนอาคารหลังเล็กสีแดงมีนามว่า “พระตำหนักราชินี” แต่ประชาชนคนธรรมดาในย่านอ่างศิลาบางส่วนก็ยังคงนิยมเรียกอาคารทั้งสองแห่งนี้สั้นๆ ตามลักษณะภายนอกว่า “ตึกขาว” และ “ตึกแดง” เท่านั้น

ทิวทัศน์ทั่ว ๆ ไปใน "พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราช"

ถ้ามีโอกาสมา "อ่างศิลา" ก็อย่าลืมแวะมาที่นี่บ้างนะ

     สำหรับพระตำหนักราชินีนั้นมีลักษณะเด่น คือ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้นสีแดง มีส่วนที่เป็นระเบียงติดกับพื้นดินรองรับส่วนหน้าของอาคาร หลังคาทรงปั้นหยายกจั่ว มีมุขยื่นออกมาทั้งชั้นล่างและชั้นบน บริเวณมุขชั้นล่างเป็นผนังทึบ มีประตูรูปซุ้มโค้ง ลักษณะหน้าต่างเป็นบานคู่ส่วนบนเป็นกระจกช่องแสง ลูกกรงและระเบียงเป็นปูนปั้นลูกมะหวด ส่วนของเฉลียงระเบียงลูกกรงนั้นใช้เป็นทางสัญจรและที่รับลมซึ่งมีลักษณะเหมือนบ้านกงสุลอังกฤษ และโปรตุเกสในสมัยนั้น

"พระตำหนักราชินี" และ "พระตำหนักมหาราช" ซึ่งตั้งอยู่เคียงข้างกัน

     บริเวณเนินหินอ่อนภายในเขตพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราช มีร่องรอยลักษณะคล้ายเท้าขนาดใหญ่ประทับติดอยู่ ชาวบ้านในย่านอ่างศิลามีความเชื่อว่าเป็นรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า บ้างก็ว่าเป็นรอยเท้าของพรานบุญ ปัจจุบันมีการกั้นพื้นที่รอบๆ รอยเท้าดังกล่าวไว้เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลทั่วไปเดินเหยียบย่ำ บางครั้งเราจะพบเห็นผู้ที่มีจิตศรัทธานำดอกไม้ธูปเทียนเครื่องบูชามาสักการะรอยเท้าบริเวณเนินหินอ่อนแห่งนี้

     พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราช เปิดให้เข้าเยี่ยมชมทุกวันโดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่าย แต่มีระเบียบปฏิบัติในการเข้าเยี่ยมชมดังต่อไปนี้

     1. เวลาเปิดทำการ
     วันจันทร์ – ศุกร์ : 8.30 – 16.30 น. (ติดต่อสำนักงานเทศบาลตำบลอ่างศิลา)  
     วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ : 9.30 – 16.30 น.
     2. การแต่งกาย : โปรดแต่งกายสุภาพ
     3. ห้ามถ่ายภาพ (เพื่อธุรกิจการค้า)
     4. ห้ามนำเครื่องดื่มของมึนเมาเข้ามาในบริเวณพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราช
     5. ห้ามกระทำการใดๆ อันเกี่ยวกับการค้า หรือโฆษณาชวนเชื่อในบริเวณพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราช
     6. ห้ามส่งเสียงหรือกระทำการรบกวนอันก่อให้เกิดความรำคาญต่อผู้อื่น

      ทางเทศบาลตำบลอ่างศิลาขอความร่วมมือผู้เข้าชมทุกท่าน กรุณาปฏิบัติตามระเบียบการเข้าชมพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราชอย่างเคร่งครัด

ยามเย็นหน้า "พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราช"

ศาลเจ้าแม่หินเขา.....เรือประมงขนาดใหญ่.....และ ศาลาริมทะเล

     พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราชตั้งอยู่ติดกับตลาดเก่าอ่างศิลา นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวต่อกันระหว่างสถานที่ทั้งสองแห่งนี้ได้โดยสะดวก กรณีที่ต้องการเดินไปชมค้างคาวแม่ไก่ซึ่งเกาะห้อยหัวอยู่ตามต้นไม้ในป่าชายเลน แนะนำให้เดินไปทาง “ศาลเจ้าแม่รำไพพรรณี” หรือลองสอบถามเส้นทางจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดเก่าอ่างศิลาก็ได้

     โทรศัพท์ติดต่อสำนักงานเทศบาลตำบลอ่างศิลา : (038) 142 – 100 ถึง 4 ต่อ 108 , 109 (สามารถโทรศัพท์สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเขตตำบลอ่างศิลาได้)

     การเดินทางสู่อ่างศิลา :

     รถยนต์ส่วนบุคคล จากกรุงเทพมหานครใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 ผ่าน อ.เมืองชลบุรีมาประมาณ 6 กม. จะพบสามแยกอีสเทิร์นซีบอร์ด ให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3134 อีกประมาณ 5 – 6 กม. จะถึง “ตลาดใหม่อ่างศิลา” (ตลาดซึ่งอยู่ติดกับสะพานปลาอ่างศิลา) นักท่องเที่ยวสามารถจอดรถยนต์ได้ที่ตลาดแห่งนี้แล้วจึงเดินเลียบเลาะชายฝั่งทะเลด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสะพานปลาอ่างศิลาไปยัง “พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราช” แล้วเดินทะลุต่อไปยัง “ตลาดเก่าอ่างศิลา” ก็ได้    

     รถประจำทาง ขึ้นรถประจำทางสายชลบุรี – อ่างศิลา

     ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม : สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

     ขอขอบคุณ : ข้อมูลอ้างอิงบางส่วนจากเทศบาลตำบลอ่างศิลา และหนังสือเที่ยวทั่วไทยไปกับนายรอบรู้ จ.ชลบุรี ของสำนักพิมพ์สารคดี